วันนี้ผมเลยถือโอกาสไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Thailand 4.0 มาให้ดูคร่าวๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากว่าเกิด Thailand 4.0 เข้ามามีบทบาทในไทยครับ
ก่อนจะรู้จัก Thailand 4.0 เรามารู้จักระบบก่อนหน้านี้ก่อนครับ
ยุค 1.0 นั้นประเทศไทยเน้นเกษตรกรรม
ยุค 2.0 เน้นอุตสาหกรรมเบา เช่น เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ เครื่องดื่ม และมาถึงปัจจุบัน
ยุค 3.0 ที่เน้นอุตสาหกรรมหนัก เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ พลังงาน วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
สำหรับไทยแลนด์ 4.0 นั้น คำจำจัดความสั้นๆ ก็คือ เศรษฐกิจที่เน้นมูลค่าเป็นหลัก (Value-Based Economy) ดังนั้นสำหรับประชาชนคนธรรมดา Thailand 4.0 = Product+Innovation นั่นเอง
พอมาถึงตรงนี้แล้ว สรุปได้ว่า มันถือวิวัฒนาการของระบบเศรษฐกิจในประเทศไทยเรานี่เอง อ๋อๆๆแล้วสิ !! :) งั้นก็ไปต่อ >>>
พอมาถึงตรงนี้แล้ว สรุปได้ว่า มันถือวิวัฒนาการของระบบเศรษฐกิจในประเทศไทยเรานี่เอง อ๋อๆๆแล้วสิ !! :) งั้นก็ไปต่อ >>>
โดยแทบทุกอุตสาหกรรม แทบทุกธุรกิจ สามารถปรับตัวเข้ากับนโยบายนี้ได้ แต่มี 5 ธุรกิจดาวรุ่งที่ประเทศไทยมีศักยภาพ และตลาดก็กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในระหว่างที่ประเทศไทยกำลังอัพเกรดอยู่นั้น 5 ธุรกิจนี้สามารถพัฒนา และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ มาดูว่า 5 ธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง
1. Healthcare : การดูแลสุขภาพ
ประเทศไทยขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการรักษาพยาบาล ด้วยเทคโนโลยีและบุคลากรที่ครบครัน ทำให้เศรษฐีจากต่างแดนแวะเวียนมาใช้บริการสินค้าสุขภาพของไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากราคาไม่แพง การบริการดี แถมยังได้ท่องเที่ยวอีกต่างหาก
ดังนั้นสำหรับโรงพยาบาล การเพิ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ การจัดการผู้ป่วยข้ามประเทศ การอำนวยความสะดวกต่างๆ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของประเทศไทยได้ เช่นเดียวกับบริการอย่าง การสปา หรือ การนวดแผนโบราณ ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์แล้วว่าจะเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้ยังไง
2.Automotive & Auto Parts : อุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์
จริงอยู่ที่บริษัทรถยนต์ได้มีการย้ายฐานการผลิตออกไปบ้าง แต่ความพร้อมของไทยในการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ก็ยังมีสูง ถ้าเทียบกับในภูมิภาค แต่สิ่งที่ไทยต้องทำก็คือ การลงทุนเปลี่ยนจากการผลิตรถยนต์ธรรมดา ไปสู่รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าในที่สุด รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรให้ผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมได้มาตรฐานสากล
3.Transportation & Logistics : การเดินทาง และการขนส่งสินค้า
เมื่อเปิดอาเซียนมากขึ้น ประเทศไทยได้เปรียบในเรื่องทำเล เช่น การขนส่งสินค้าในแถบชายแดน รวมไปถึงการขนส่งในภูมิภาคตั้งแต่จีนลงไปถึงมาเลเซีย ในอนาคตหากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่าง รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงเสร็จสมบูรณ์ ประเทศไทยจะกลายเป็นไทยแลนด์ 4.0 ของจริง
ปัจจุบันคุณคงเห็นแล้วว่าเกิดบริษัทส่งของเกิดขึ้นหลายแบรนด์ มีโกดังสินค้า เครื่องจักรทันสมัย และหากมีการร่วมกันระหว่างแบรนด์มากขึ้น (Collaboration) ในอนาคตระบบการขนส่งทั้งท่าเรือ สนามบิน รถไฟ รถบรรทุก รถตู้ จะสามารถลิงค์เชื่อมกันได้เนียนยิ่งขึ้น
4.E-commerce : ช้อปปิ้งออนไลน์
เมื่อการเข้าถึงสมาร์ทโฟนและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น E-Commerce เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย มูลค่าการซื้อขายออนไลน์ที่วัดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่มาเกื้อหนุนนั้นก็มาจากการขนส่งสินค้า และระบบการชำระเงิน ที่ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตก็สามารถชำระเงินออนไลน์ได้
ด้วยระบบ E-Commerce ที่นำหน้าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ประเทศไทยสามารถลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มได้ เพราะการเพิ่มศักยภาพของ E-Commerce เป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าถึงตลาดไทย และไทยเข้าถึงตลาดสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น ทำให้ตลาดเกิดการแข่งขัน และพัฒนา
5.Food Processing : การแปรรูปอาหาร
Thai Food เป็นจุดแข็งของประเทศไทยมาเสมอ แต่ตลาดที่สำคัญไม่แพ้ของสดก็คือของแปรรูป ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีเทคโนโลยีมากมายในการถนอมอาหาร ผัก ผลไม้ แต่หากจะพัฒนาไปมากกว่านั้น ประเทศไทยจำเป็นจะต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า เช่น อาหารสดที่สามารถเก็บได้นานขึ้นและรักษาคุณค่าไว้ได้
ที่มา : TMB Analytics ,Marketeer
ขอบคุณภาพจาก : infofed.com , thaiquote.org