แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ New Trend แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ New Trend แสดงบทความทั้งหมด

ธุรกิจดาวรุ่งแห่ง Thailand 4.0


หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า Thailand 4.0 มาบ้างแล้ว หรือไม่ก็เห็นแชร์ๆ กันในอินเตอร์เน็ต ผมเองซึ่งเป็นคนที่ทำงานด้าน IT มักจะเห็นแชร์กันอยู่บ่อยๆ ใน facebook  หรือบางคนอาจดูทีวีเป็นประจำก็ต้องเคยได้ยินลุงตู่พูดถึงบางแระ....



วันนี้ผมเลยถือโอกาสไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Thailand 4.0 มาให้ดูคร่าวๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากว่าเกิด Thailand 4.0 เข้ามามีบทบาทในไทยครับ

ก่อนจะรู้จัก Thailand 4.0 เรามารู้จักระบบก่อนหน้านี้ก่อนครับ
ยุค 1.0 นั้นประเทศไทยเน้นเกษตรกรรม 
ยุค 2.0 เน้นอุตสาหกรรมเบา เช่น เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ เครื่องดื่ม และมาถึงปัจจุบัน 
ยุค 3.0 ที่เน้นอุตสาหกรรมหนัก เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ พลังงาน วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
สำหรับไทยแลนด์ 4.0 นั้น คำจำจัดความสั้นๆ ก็คือ เศรษฐกิจที่เน้นมูลค่าเป็นหลัก (Value-Based Economy) ดังนั้นสำหรับประชาชนคนธรรมดา Thailand 4.0 = Product+Innovation  นั่นเอง

พอมาถึงตรงนี้แล้ว สรุปได้ว่า  มันถือวิวัฒนาการของระบบเศรษฐกิจในประเทศไทยเรานี่เอง 
อ๋อๆๆแล้วสิ  !! :)  งั้นก็ไปต่อ >>> 
โดยแทบทุกอุตสาหกรรม แทบทุกธุรกิจ สามารถปรับตัวเข้ากับนโยบายนี้ได้ แต่มี 5 ธุรกิจดาวรุ่งที่ประเทศไทยมีศักยภาพ และตลาดก็กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในระหว่างที่ประเทศไทยกำลังอัพเกรดอยู่นั้น 5 ธุรกิจนี้สามารถพัฒนา และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ มาดูว่า 5 ธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง
1. Healthcare : การดูแลสุขภาพ
ประเทศไทยขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการรักษาพยาบาล ด้วยเทคโนโลยีและบุคลากรที่ครบครัน ทำให้เศรษฐีจากต่างแดนแวะเวียนมาใช้บริการสินค้าสุขภาพของไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากราคาไม่แพง การบริการดี แถมยังได้ท่องเที่ยวอีกต่างหาก
ดังนั้นสำหรับโรงพยาบาล การเพิ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ การจัดการผู้ป่วยข้ามประเทศ การอำนวยความสะดวกต่างๆ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของประเทศไทยได้ เช่นเดียวกับบริการอย่าง การสปา หรือ การนวดแผนโบราณ ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์แล้วว่าจะเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้ยังไง

2.Automotive & Auto Parts : อุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์
จริงอยู่ที่บริษัทรถยนต์ได้มีการย้ายฐานการผลิตออกไปบ้าง แต่ความพร้อมของไทยในการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ก็ยังมีสูง ถ้าเทียบกับในภูมิภาค แต่สิ่งที่ไทยต้องทำก็คือ การลงทุนเปลี่ยนจากการผลิตรถยนต์ธรรมดา ไปสู่รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าในที่สุด รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรให้ผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมได้มาตรฐานสากล

3.Transportation & Logistics : การเดินทาง และการขนส่งสินค้า
เมื่อเปิดอาเซียนมากขึ้น ประเทศไทยได้เปรียบในเรื่องทำเล เช่น การขนส่งสินค้าในแถบชายแดน รวมไปถึงการขนส่งในภูมิภาคตั้งแต่จีนลงไปถึงมาเลเซีย ในอนาคตหากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่าง รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงเสร็จสมบูรณ์ ประเทศไทยจะกลายเป็นไทยแลนด์ 4.0 ของจริง
ปัจจุบันคุณคงเห็นแล้วว่าเกิดบริษัทส่งของเกิดขึ้นหลายแบรนด์ มีโกดังสินค้า เครื่องจักรทันสมัย และหากมีการร่วมกันระหว่างแบรนด์มากขึ้น (Collaboration) ในอนาคตระบบการขนส่งทั้งท่าเรือ สนามบิน รถไฟ รถบรรทุก รถตู้ จะสามารถลิงค์เชื่อมกันได้เนียนยิ่งขึ้น

4.E-commerce : ช้อปปิ้งออนไลน์
เมื่อการเข้าถึงสมาร์ทโฟนและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น E-Commerce เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย มูลค่าการซื้อขายออนไลน์ที่วัดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่มาเกื้อหนุนนั้นก็มาจากการขนส่งสินค้า และระบบการชำระเงิน ที่ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตก็สามารถชำระเงินออนไลน์ได้
ด้วยระบบ E-Commerce ที่นำหน้าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ประเทศไทยสามารถลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มได้ เพราะการเพิ่มศักยภาพของ E-Commerce เป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าถึงตลาดไทย และไทยเข้าถึงตลาดสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น ทำให้ตลาดเกิดการแข่งขัน และพัฒนา

5.Food Processing : การแปรรูปอาหาร
Thai Food เป็นจุดแข็งของประเทศไทยมาเสมอ แต่ตลาดที่สำคัญไม่แพ้ของสดก็คือของแปรรูป ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีเทคโนโลยีมากมายในการถนอมอาหาร ผัก ผลไม้ แต่หากจะพัฒนาไปมากกว่านั้น ประเทศไทยจำเป็นจะต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า เช่น อาหารสดที่สามารถเก็บได้นานขึ้นและรักษาคุณค่าไว้ได้

ที่มา : TMB Analytics ,Marketeer
ขอบคุณภาพจาก : infofed.com , thaiquote.org

10 อาชีพที่ทำรายได้สูงที่สุดในยุคนี้ ...รีบฝึก !!



กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ Trend ใหม่ๆ ของโลกมาเขียนลงบล็อกครับ
พอดีไปเจอเพจ คุณภาววิทย์กลิ่นประทุม ที่ผมติดตาในเฟส
บอกเลยว่าดีมาก เลยอยากจะเก็บไว้ในบล็อก
เผื่อไว้จะมีใครเข้ามาอ่านครับ

------------------

ในอนาคตจะไม่มีการแบ่งแล้วว่า อาชีพไหนเงินเดือนสูง
อาชีพไหนเงินเดือนต่ำ อาชีพไหนน่าส่งลูกไปเรียน

แต่รายได้ของคนยุคใหม่จะถูกแบ่งจาก 'ทักษะ' ไม่ใช่ 'อาชีพ'
ไปดูกันว่ามีทักษะอะไรบ้างครับเพื่อนๆ ที่ทำรายได้สูง!!!!!! 


10 อาชีพที่ทำรายได้สูงที่สุดในยุคนี้ ...รีบฝึก !!

เรียกภาษาชาวบ้านว่า 'อาชีพที่น่าส่งลูกเรียน เป็นอาชีพที่น่าคบหา'

ไม่!! มันไม่ได้เป็นอาชีพในแบบที่แบ่งกันทั่วไป เช่น หมอ , พยาบาล , คนขับยานไปดาวอังคาร หรือ กัปตันเครื่องบิน

แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในยุคต่อไปคือ 'เส้นแบ่งของคำว่าอาชีพหายไป' แต่สิ่งที่เอามาใช้แบ่งรายได้คือ 'ทักษะ' -- ใช่!! รายได้ของคนยุคต่อไปจะถูกแบ่งจาก 'ทักษะ' ไม่ใช่ 'อาชีพ' ดังนี้

1. ทักษะการใช้ภาษาที่สาม ..ยุคก่อนเขาให้ค่าคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ แต่วันนี้ภาษาอังกฤษเป็นเพียงพื้นฐานที่ต้องมี ..เขาจึงให้ค่าภาษาที่สาม

2. ทักษะการทำงานร่วมกับมนุษย์ ..ยุคนี้คนคุ้นเคยกับเครื่องจักรมากกว่ามนุษย์ ทักษะการทำงานปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จึงมีค่ามากขึ้น ..นี่คือ การติดต่อ ประสาน และการทำงานกับคน

3. ทักษะความเชี่ยวชาญ ..เรียนสาขาไหนเริ่มไม่สำคัญเท่าเชี่ยวชาญอะไร ..ยิ่งเชี่ยวชาญรายได้ยิ่งเพิ่ม 

4. ทักษะความเป็นผู้นำ ..ยุคนี้สังคมเต็มไปด้วยผู้ตาม เราถูกสอนให้คิดตาม ทำตาม เดินตาม ..วันนี้บริษัทต่างๆ จึงหันมาให้รางวัลกับคนที่กล้าเดินนำ คิดนำ 

5. ทักษะในโลกออนไลน์ ..พูดถึงออนไลน์คือการประหยัดต้นทุน รวมทั้งการเพิ่มโอกาสในทุกงานที่ทำ ..การรู้วิธีนำออนไลน์มาใช้ปรับปรุงงานที่ทำจึงมีคุณค่า

6. ทักษะการพูดในที่สาธารณะ ..อันนี้คือเรื่องน่าอึดอัดสำหรับคนส่วนใหญ่ มันจึงเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้และแยกเราให้แตกต่าง 

7. ทักษะการพัฒนาความรู้ตัวเอง ..คนทั่วไปเมื่อเรียนจบจะหยุดเรียนรู้ทันที เหมือนคอมพิวเตอร์ท่ีไม่เคย upgrade software โคตรล้าสมัย ..ยุคนี้จึงให้ค่ากับคนที่รู้จักวิธีพัฒนาความรู้ตัวเอง

8. ทักษะการขาย .. การขายไม่เคยมีสอนในโรงเรียน แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการทำงานหาเงิน ..คนฉลาดจะฝึกขายของตั้งแต่ยังเด็ก ให้มันซึมซาบเข้าเส้น 

9. ทักษะการฟัง ..สิ่งที่คนส่วนใหญ่ขาดในยุคนี้คือความสามารถในการฟัง ..ไม่มีใครทนฟังใครแล้ว ..การตั้งใจฟัง จึงเป็นทักษะที่สร้างเสน่ห์แล้วนำมาซึ่งความโดดเด่นให้คนที่รู้จักฟัง

10. ทักษะการตั้งเป้าหมายการเงิน ..อันนี้ก็ไม่เคยมีสอนในโรงเรียน คนส่วนใหญ่เรียนจบมาตามอาชีพแต่ไม่รู้วิธีตั้งเป้าหมายการเงินเลย มัวแต่คิดว่าทำงานให้ดีเดี๋ยวก้าวหน้าเงินมาเอง (มีแต่หนี้เท่านั้นครับที่จะมาเอง ท่องไว้เลย)

..หมดยุคแล้วที่การทำงานเรื่อยๆ จะพาเราไปสู่ชีวิตที่ดี - ยุคนี้ต้องฝึกตั้งเป้าหมายการเงินให้ตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน และปรับเปลี่ยนเป้าหมายตามความจริง เช่น ภายใน 5 ปีจะออมในหุ้นให้มี Passive Income จากหุ้นที่ออมเดือนละ 20,000 บาท เป็นต้น 

เพราะถ้าไม่ตั้งเป้าหมายการเงิน ภายใน 5 ปี คุณจะกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกคนที่กำลังเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่หาทางใช้หนี้ไม่ได้ ...มีของที่ไม่ได้อยากได้จริงๆ กองทิ้งเต็มบ้าน ..และไร้เป้าหมายในชีวิต !!



#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากคุณ ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
นักธุรกิจและนักลงทุนชื่อดัง